ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

JF 夏短 1/52 : 来館

ห้องของฉัน 418
โบอิ้ง 380 เที่ยวบินที่ TG640 พาเราเดินทางถึงสนามบินนานาชาตินาริตะ กรุงโตเกียวเมื่อเวลาประมาณ 7:00 น. ตามเวลาของประเทศญี่ปุ่นใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ครึ่งชั่วโมง ฝนเพิ่งจะหยุดตกพื้นสนามบินยังเปียกอยู่เป็นจุดๆ เราออกจากเครื่องไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าและล้างหน้าล้างตาทำธุระแล้วจึงไปขึ้นรถบัสของ ON liner ที่ JF เตรียมตั๋วไว้ให้ รถบัสออกจากท่ารถเวลา 9:35 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งจึงไปถึงสถานีรถไฟ JR Shintoshin ที่นี่ Mrs.Okuda เจ้าหน้าที่ escort ของ JF ไปรอรับถึงบันไดรถบัส จัดแจงพารถเปลี่ยนไปนั่งรถบัสของศูนย์เพื่อเดินทางเข้าศูนย์ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 15 นาที นอกจากเราทั้งสองคนแล้วยังมีครูสาวชื่อ Alexandra จากประเทศโปแลนด์นั่งมาเป็นคณะเดียวกันด้วย

มาถึงศูนย์ JF เมื่อเวลาประมาณ 11:30 น. Ms.Miyasaka ผู้ดูแลครูที่เข้ารับการอบรมพร้อมคณะทำงานคนอื่นๆ ก็อธิบายเรื่องห้องพัก (ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกันนี้แต่คละปีก) การเข้าออกศูนย์ โรงอาหาร และกำหนดการคร่าวๆ ให้ฟังก่อนจะให้พวกเราแยกกันเข้าห้องพัก  ฉันได้ห้องพักหมายเลข 418 ติดกับห้องเก๋ (417) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องซักรีดพอดี ห้องพักของศูนย์มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ต่างจาก Business Hotel ทั้งเตียง โต๊ะทำงานพร้อมไวไฟ ห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวและสบู่แชมพู ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ โทรทัศน์ แม้กระทั่งเครื่องเล่นซีดีและเทปคาสเซ็ท!

เรามีเวลาชื่นชมห้องอยู่ไม่นานท้องก็เริ่มประท้วง เวลานั้นก็เที่ยงกว่าแล้วจึงวางมือจากการจัดของจากกระเป๋าเข้าที่ลงไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารชั้น 1 ลักษณะอาหารคล้ายกับที่โรงอาหารโตเกียวไกไดและโรงอาหารเด็นโซ่ (คงจะเป็นแนวเดียวกันทั้งประเทศ) แต่ระบบการคิดค่าอาหารแตกต่าง ไม่ได้ใช้วิธีชั่งน้ำหนักอาหารเหมือนไกไดและไม่ได้ติดชิพที่ก้นภาชนะเมื่อทานเสร็จให้นำภาชนะไปวางบนเครื่องคำนวณให้เครื่องอ่านมูลค่าจากชิพแล้วหักเงินจากบัตรเหมือนที่เด็นโซ่ ที่นี่จะวางแผ่นพลาสติกมนคล้ายปิ๊กกีต้าร์เอาไว้ข้างอาหารโชว์แต่ละรายการโดยแต่ละรายการก็จะกำหนดปิ๊กสีต่างกัน ให้ผู้ซื้อหยิบปิ๊กสีของเมนูที่เลือกไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ครัว ก็จะได้อาหารที่ต้องการแล้วจึงนำปิ๊กสีไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทำอะไรพิถีพิถันเป็นระบบระเบียบจริงๆ ฉันได้รับอานิสงส์จากนิสัยช่างเอาใจใส่ของคนประเทศนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ครั้งนี้ทาง JF ก็ดูแลเราอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ยิ่งเรื่องอาหารการกินเขาเลี้ยงเราทั้งสามมื้อ แม้ในวันเสาร์อาทิตย์ที่โรงอาหารไม่เปิดก็ยังให้เงินค่าอาหารเราด้วย เอาจริงๆ มันดีกว่าอาหารที่กินอยู่เป็นประจำในชีวิตที่เมืองไทยเสียอีก ฉันจะต้องตั้งใจเรียนให้ได้ความรู้กลับไปใช้ในงานสอนให้มากๆ ให้สมเจตนารมณ์ของ JF ที่ต้องการฝึกฝนให้ครูสามารถสอนภาษาของบ้านเขาให้แพร่หลายไปทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะรู้ดีว่าวัตถุประสงค์ที่เขาทุ่มเทให้กับการเทรนพวกเราก็เพราะเป้าหมายระยะยาวที่จะทำให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีคนพูดได้มากขึ้นซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจทางเศรษฐกิจ แต่อานิสงส์ที่ผู้เข้ารับอบรมได้รับก็มากมายใหญ่หลวง ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาที่มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอย่างฉันคงจะถึงจุดนี้ไม่ได้แน่ๆ รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของประเทศนี้จริงๆ


☝ ตอนกำลังขนกระเป๋าขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพัก Ms.Miyasaka เห็นฉันกับน้องเก๋คุยกันอย่างไม่เคอะเขิน ก็ถามฉันว่าเราทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอ ฉันตอบว่าฉันเพิ่งพบหน้าเก๋ครั้งแรกที่สนามบินที่กรุงเทพฯ เมื่อคืนนี้ แต่ก่อนนั้นก็เมลคุยกันบ้างเล็กน้อย พอได้ฟังอย่างนั้น Ms.Miyasaka ก็ทำท่าประหลาดใจ เขาคงคิดไม่ถึงว่าคนไม่รู้จักกันมาก่อนจะพูดคุยกันราวกับคนคุ้นเคยได้... นี่แหละ ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของคนไทยที่คนญี่ปุ่นคงไม่มีทางเลียนแบบได้ 😎


แถมหลังอาหารเย็นคนไทยที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงสองคนนี้ยังไปเดินสำรวจและช็อปปิ้งที่ AEON ซุปเปอร์ด้วยกันอย่างหนุกหนานด้วยนะ 😉


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทาร์ตมะพร้าวอ่อนโอชิน

ที่มา FB เพจร้านขนมปังโอชิน เชียงใหม่ เชียงใหม่นี่นอกจากอากาศดี มีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว อาหารการกินก็อร่อยและราคาถูกกว่ากรุงเทพฯ มาก เผลอๆ ถูกกว่าหาดเสี้ยวด้วยซ้ำ ตอนสายๆ ออกไปตามหาร้านขนมปังโอชินเพราะจะต้องจัดอาหารว่างสำหรับวันประเมินผลหลักสูตร (SAR) ในวันที่ 23 สค. นี้ เคยทานชุดอาหารว่างในหลายๆ งานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดแล้วชื่นชอบทาร์ตมะพร้าวอ่อนจากร้านโอชินมาก พอสาขาภาษาญี่ปุ่นจะจัดงานบ้างก็เลยอาสาจัดเพราะอยากได้เบรคเป็นทาร์ตมะพร้าวอ่อน ร้านโอชินมีสาขาแม่ริมด้วย อยู่ในบริเวณปั๊มน้ำมันซัสโก้ตรงข้ามกับห้างแมคโคร ไม่ไกลจากบ้านมาก หาเจอโดยไม่หลงทาง เมื่อเจอร้านแล้วจึงซื้อทาร์ตมะพร้าวอ่อนมาทานหนึ่งกล่อง มีทั้งหมด 6 ชิ้น ราคากล่องละ 90 บาท คือถูกมากชนิดที่หาไม่ได้ในร้านกาแฟแน่นอน ทีแรกเห็นราคาในเว็บนึกว่าชิ้นละ 90 ซะอีก แค่นั้นยังไม่พอ Snack Box ก็ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่ได้งบมาชุดละ 50 บาท 15 ชุดและหวั่นว่าจะไม่พอ แต่ได้เห็นราคาจริงแล้ว โถ 20-30 บาทเท่านั้นเอง ได้กำรี้กำไรบ้างไหมนี่... แต่ก็คงได้แหละไม่งั้นคงไม่ตั้งราคาแบบนี้ ฉันเลยสั่งชุด 25 บาทไป 20 ชุดเลย งบยังเหลืออีกด...

แมวเมารถ

ทีแรกเอาใส่ตะกร้า เป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยจะถูกนักที่พาจิ้มจุ่มเดินทางกลับบ้านที่สุโขทัยในวันนี้ จริงๆ แล้วตั้งใจพากลับมาฝากที่บ้านเลี้ยงให้ในช่วงที่ไปญี่ปุ่น แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเพราะดูจิ้มจุ่มตื่นกลัว ไม่เอ็นจอยกับบ้านที่หาดเสี้ยวเอาเสียเลย กลัวว่าถึงเวลาฉันไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ มันอาจจะตรอมใจ (เหรอออ) เพราะเจ้าของก็ไม่อยู่ แถมสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนอีกด้วย เครียดยกกำลังสองเลย นอกจากเรื่องที่มันตื่นสถานที่แล้วขณะที่เดินทางมามันก็เมารถด้วย ฉันมารู้ว่ามันเมารถเมื่อเดินทางถึงบ้านและค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลหลายอย่างเป็นความรู้ใหม่สำหรับทาสแมวชั้นอนุบาลอย่างฉัน ข้อมูลบางอย่างก็ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด 😿 อย่างเช่น 🙀 ให้เอาแมวใส่ตะกร้าพลาสติกแบบมีฝาปิดเพื่อความปลอดภัย --- ข้อนี้ฉันเห็นดีด้วยจึงอุตส่าห์ไปซื้อตะกร้าแมวมาใหม่ แต่ปรากฏว่าขับไปได้ซักสองชั่วโมงจิ้มจุ่มมีน้ำลายไหลย้อยยืดจนปากเปียก ฉันเห็นแล้วตกใจจึงแวะจอดรถเพื่อเอามันออกจากตะกร้าตรงตลาดทุ่งเกวียน คิดว่าขอรับมือกับความซุกซนดีกว่าให้มันช็อคตายคารถ แต่พอเอามันออกนอกตะกร้าจริงๆ มันก็ไม่เห็นจะซน แค่เดินวนสำรวจในรถห...

เสวียนจ้าง บุรุษพุทธานุภาพ

เห็นข่าวภาพยนตร์ "เสวียนจ้าง บุรุษพุทธานุภาพ (Xuan Zang)" ตั้งหลายอาทิตย์ก่อนที่จะเข้าฉายในโรงหนัง SF ก็ปักหมุดทันทีว่าจะพลาดไม่ได้ ที่เชียงใหม่หนังเรื่องนี้มีฉายที่เมญ่าที่เดียวเท่านั้น ตอนกลางวันเข้าไปเช็ครอบฉายประจำสัปดาห์ในเว็บของ SF Cinema Maya ปรากฏมันเขียนว่าเสวียนจ้างจะเข้าฉายวันที่ 15 ก.ย. เขียนไว้แค่วันเดียวในขณะที่เรื่องอื่นเขียนรอบฉายไว้ทั้งสัปดาห์ ฉันเลยตัดสินใจไปดูรอบ 20:50 เพราะกลัวว่าหนังจะฉายแค่วันเดียวจริงๆ พลาดวันนี้ก็อาจจะพลาดเลย แต่พอไปถึงโรงหนังและสอบถามแล้วปรากฏว่าฉายทั้งสัปดาห์ โธ่เอ๊ย จะเขียนให้มันชัดเจนหน่อยก็ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ก็เลยกลับถึงบ้านเอาเกือบเที่ยงคืนเพราะหนังจบห้าทุ่ม Huang Xiaoming เป็น Xuan Zang แต่ยังไงก็ต้องบอกว่าเป็นหนังที่ประทับใจมากเรื่องหนึ่ง ทั้งที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเล่าเรื่องการเดินทางจากจีนไปอินเดียของพระภิกษุหนุ่มชาวจีนชื่อ "เสวียน จ้าง" หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อพระถังซัมจั๋ง (นำแสดงโดย หวง เสี่ยวหมิง หล่อมากกกก) บนเส้นทางสายไหมที่ทั้งงดงามอลังการไปด้วยภูมิประเทศที่ยิ่งใหญ่และแปลกตา ท...