 |
ห้องของฉัน 418 |
โบอิ้ง 380 เที่ยวบินที่ TG640 พาเราเดินทางถึงสนามบินนานาชาตินาริตะ กรุงโตเกียวเมื่อเวลาประมาณ 7:00 น. ตามเวลาของประเทศญี่ปุ่นใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ครึ่งชั่วโมง ฝนเพิ่งจะหยุดตกพื้นสนามบินยังเปียกอยู่เป็นจุดๆ เราออกจากเครื่องไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าและล้างหน้าล้างตาทำธุระแล้วจึงไปขึ้นรถบัสของ ON liner ที่ JF เตรียมตั๋วไว้ให้ รถบัสออกจากท่ารถเวลา 9:35 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งจึงไปถึงสถานีรถไฟ JR Shintoshin ที่นี่ Mrs.Okuda เจ้าหน้าที่ escort ของ JF ไปรอรับถึงบันไดรถบัส จัดแจงพารถเปลี่ยนไปนั่งรถบัสของศูนย์เพื่อเดินทางเข้าศูนย์ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 15 นาที นอกจากเราทั้งสองคนแล้วยังมีครูสาวชื่อ Alexandra จากประเทศโปแลนด์นั่งมาเป็นคณะเดียวกันด้วย
มาถึงศูนย์ JF เมื่อเวลาประมาณ 11:30 น. Ms.Miyasaka ผู้ดูแลครูที่เข้ารับการอบรมพร้อมคณะทำงานคนอื่นๆ ก็อธิบายเรื่องห้องพัก (ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกันนี้แต่คละปีก) การเข้าออกศูนย์ โรงอาหาร และกำหนดการคร่าวๆ ให้ฟังก่อนจะให้พวกเราแยกกันเข้าห้องพัก ฉันได้ห้องพักหมายเลข 418 ติดกับห้องเก๋ (417) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องซักรีดพอดี ห้องพักของศูนย์มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ต่างจาก Business Hotel ทั้งเตียง โต๊ะทำงานพร้อมไวไฟ ห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวและสบู่แชมพู ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ โทรทัศน์ แม้กระทั่งเครื่องเล่นซีดีและเทปคาสเซ็ท!
เรามีเวลาชื่นชมห้องอยู่ไม่นานท้องก็เริ่มประท้วง เวลานั้นก็เที่ยงกว่าแล้วจึงวางมือจากการจัดของจากกระเป๋าเข้าที่ลงไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารชั้น 1 ลักษณะอาหารคล้ายกับที่โรงอาหารโตเกียวไกไดและโรงอาหารเด็นโซ่ (คงจะเป็นแนวเดียวกันทั้งประเทศ) แต่ระบบการคิดค่าอาหารแตกต่าง ไม่ได้ใช้วิธีชั่งน้ำหนักอาหารเหมือนไกไดและไม่ได้ติดชิพที่ก้นภาชนะเมื่อทานเสร็จให้นำภาชนะไปวางบนเครื่องคำนวณให้เครื่องอ่านมูลค่าจากชิพแล้วหักเงินจากบัตรเหมือนที่เด็นโซ่ ที่นี่จะวางแผ่นพลาสติกมนคล้ายปิ๊กกีต้าร์เอาไว้ข้างอาหารโชว์แต่ละรายการโดยแต่ละรายการก็จะกำหนดปิ๊กสีต่างกัน ให้ผู้ซื้อหยิบปิ๊กสีของเมนูที่เลือกไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ครัว ก็จะได้อาหารที่ต้องการแล้วจึงนำปิ๊กสีไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทำอะไรพิถีพิถันเป็นระบบระเบียบจริงๆ ฉันได้รับอานิสงส์จากนิสัยช่างเอาใจใส่ของคนประเทศนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ครั้งนี้ทาง JF ก็ดูแลเราอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ยิ่งเรื่องอาหารการกินเขาเลี้ยงเราทั้งสามมื้อ แม้ในวันเสาร์อาทิตย์ที่โรงอาหารไม่เปิดก็ยังให้เงินค่าอาหารเราด้วย เอาจริงๆ มันดีกว่าอาหารที่กินอยู่เป็นประจำในชีวิตที่เมืองไทยเสียอีก ฉันจะต้องตั้งใจเรียนให้ได้ความรู้กลับไปใช้ในงานสอนให้มากๆ ให้สมเจตนารมณ์ของ JF ที่ต้องการฝึกฝนให้ครูสามารถสอนภาษาของบ้านเขาให้แพร่หลายไปทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะรู้ดีว่าวัตถุประสงค์ที่เขาทุ่มเทให้กับการเทรนพวกเราก็เพราะเป้าหมายระยะยาวที่จะทำให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีคนพูดได้มากขึ้นซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจทางเศรษฐกิจ แต่อานิสงส์ที่ผู้เข้ารับอบรมได้รับก็มากมายใหญ่หลวง ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาที่มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอย่างฉันคงจะถึงจุดนี้ไม่ได้แน่ๆ รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของประเทศนี้จริงๆ
☝ ตอนกำลังขนกระเป๋าขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพัก Ms.Miyasaka เห็นฉันกับน้องเก๋คุยกันอย่างไม่เคอะเขิน ก็ถามฉันว่าเราทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอ ฉันตอบว่าฉันเพิ่งพบหน้าเก๋ครั้งแรกที่สนามบินที่กรุงเทพฯ เมื่อคืนนี้ แต่ก่อนนั้นก็เมลคุยกันบ้างเล็กน้อย พอได้ฟังอย่างนั้น Ms.Miyasaka ก็ทำท่าประหลาดใจ เขาคงคิดไม่ถึงว่าคนไม่รู้จักกันมาก่อนจะพูดคุยกันราวกับคนคุ้นเคยได้... นี่แหละ ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของคนไทยที่คนญี่ปุ่นคงไม่มีทางเลียนแบบได้ 😎
แถมหลังอาหารเย็นคนไทยที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงสองคนนี้ยังไปเดินสำรวจและช็อปปิ้งที่ AEON ซุปเปอร์ด้วยกันอย่างหนุกหนานด้วยนะ 😉
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น