เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่บ้านแม่ริมที่ได้ไปประชุมหมู่บ้าน ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องการจัดการขยะกันถ้วนหน้าตั้งแต่ลุงธรได้งานใหม่ วันนี้พ่อหลวง (=ผู้ใหญ่บ้าน) กับคุณตุ๊กตาเจ้าหน้าที่ อปท. (องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น) มาเป็นประธานการประชุมให้ที่บ้านของลุงน้อย สายัณห์ (ฉันเรียกตามพี่ซาหล้า) การประชุมกินเวลาถึงสองชั่วโมง (18:00-20:00) จึงได้ข้อสรุปว่า
ขยะแห้ง : อ้ายบอยเจ้าของสวนกล้วยริมทางเข้าหมู่บ้าน (จำเป็นต้องบรรยายขนาดนั้นรึ) จะมาเก็บไปทิ้งที่ถังขยะกลางให้ทุกเช้าวันอังคาร โดยสมาชิกต้องจ่ายค่าบริการเดือนละ 50
ขยะเปียก : เนื่องจากเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องหาอาสาเก็บขยะเปียกเศษอาหารไม่ได้หรือเรื่องขยะล้นลานขยะชุมชน คุณตุ๊กตาและพ่อหลวงจึงขอให้ลูกบ้านจัดการขยะเปียกในครัวเรือนด้วยตนเองด้วยการทำขยะไปทำปุ๋ยหมัก น้ำหมัก หรือทำ EM
ขอช็อคแพร้บ 😱😱😱
ในที่ประชุมมีลูกบ้านสามสี่หลังรวมทั้งฉันด้วยที่บ้านไม่มีพื้นดิน ไม่รู้จะทำปุ๋ยหมักอีท่าไหน ช่วยกันอุทธรณ์ถึงความลำบากในจุดนี้ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง อปท. ก็พาวกกลับมาที่การให้จัดการขยะเปียกในครัวเรือนด้วยตนเอง
"ทางที่ดีต้องพยายามกินอาหารให้หมด"
--- ปกติก็กินเกลี้ยงชนิดคนล้างจานดีใจอยู่แล้ว แต่เวลาทำอาหารบางทีก็มีเศษผักเศษเนื้อที่ต้องทิ้ง
"ต้องปลูกผักในบ้านนะคะ ปลูกในถ้วยชามกะละมังถังเก่าก็ได้ ไม่ต้องซื้อกระถางใหม่ จะได้เอาเศษอาหารทำปุ๋ย"
--- ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ปีกว่ายังไม่มีภาชนะอะไรบุบสลาย ยังไงก็ต้องลงทุนซื้อกระถาง แต่ทีหนักกว่านั้นคือฉันปลูกผักไม่เป็น
ในระหว่างนั้นมีน้องผู้หญิงที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันพูดขึ้นมาว่าเห็นทีจะต้องกินข้าวนอกบ้านอย่างเดียว อปท. จึงตอบกลับมาว่า
"กินข้าวนอกบ้านหรือซื้อแกงถุงมากินนี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ เขาประกอบอาหารถูกสุขอนามัยรึเปล่าก็ไม่รู้ ไหนจะผักที่เอามาใช้อีก อาจจะมีสารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารเร่ง"
--- สรุปว่ายังไงฉันก็จะต้องปลูกผักนะ โอ้ พระเจ้าจอร์จ ฉันกำลังจะค้นพบพรสวรรค์ใหม่ใช่ไหม... นี่พูดประชด!
ปล. แต่ยังไงซะ ในการประชุมนี้ก็ทำให้ฉันสืบหาตัวเจ้าของเก่าของแมวเหมียวเจอ ฉันเอารูปแมวที่บ้านให้พี่หล้าดู แกบอกว่านี่คือเจ้า "จิ้มจุ่ม" แมวบ้านป้าหล้า แต่ป้าแกคงไม่เลี้ยงแล้วแหละ คือเลี้ยงแบบปล่อยๆ ไปตามยถากรรม ส่วนอีกตัวที่มาเฝ้า ร้องและทำหน้าเว้าวอนอยู่หน้าบ้านตอนนี้เป็นแมวของพี่หล้าเองชื่อเจ้า "แดง"... สรุปเจ้าสามสีที่บ้านที่แท้ชื่อ "จิ้มจุ่ม" ฉันจะลองเรียกดู
อ้อ พี่หล้ายังบอกอีกว่าจิ้มจุ่มทำหมันแล้ว พี่อ้อกับพี่หล้าเป็นคนพาไป... ฉันสบายใจมาก
ขยะแห้ง : อ้ายบอยเจ้าของสวนกล้วยริมทางเข้าหมู่บ้าน (จำเป็นต้องบรรยายขนาดนั้นรึ) จะมาเก็บไปทิ้งที่ถังขยะกลางให้ทุกเช้าวันอังคาร โดยสมาชิกต้องจ่ายค่าบริการเดือนละ 50
ขยะเปียก : เนื่องจากเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องหาอาสาเก็บขยะเปียกเศษอาหารไม่ได้หรือเรื่องขยะล้นลานขยะชุมชน คุณตุ๊กตาและพ่อหลวงจึงขอให้ลูกบ้านจัดการขยะเปียกในครัวเรือนด้วยตนเองด้วยการทำขยะไปทำปุ๋ยหมัก น้ำหมัก หรือทำ EM
ขอช็อคแพร้บ 😱😱😱
ในที่ประชุมมีลูกบ้านสามสี่หลังรวมทั้งฉันด้วยที่บ้านไม่มีพื้นดิน ไม่รู้จะทำปุ๋ยหมักอีท่าไหน ช่วยกันอุทธรณ์ถึงความลำบากในจุดนี้ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง อปท. ก็พาวกกลับมาที่การให้จัดการขยะเปียกในครัวเรือนด้วยตนเอง
"ทางที่ดีต้องพยายามกินอาหารให้หมด"
--- ปกติก็กินเกลี้ยงชนิดคนล้างจานดีใจอยู่แล้ว แต่เวลาทำอาหารบางทีก็มีเศษผักเศษเนื้อที่ต้องทิ้ง
"ต้องปลูกผักในบ้านนะคะ ปลูกในถ้วยชามกะละมังถังเก่าก็ได้ ไม่ต้องซื้อกระถางใหม่ จะได้เอาเศษอาหารทำปุ๋ย"
--- ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ปีกว่ายังไม่มีภาชนะอะไรบุบสลาย ยังไงก็ต้องลงทุนซื้อกระถาง แต่ทีหนักกว่านั้นคือฉันปลูกผักไม่เป็น
ในระหว่างนั้นมีน้องผู้หญิงที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันพูดขึ้นมาว่าเห็นทีจะต้องกินข้าวนอกบ้านอย่างเดียว อปท. จึงตอบกลับมาว่า
"กินข้าวนอกบ้านหรือซื้อแกงถุงมากินนี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ เขาประกอบอาหารถูกสุขอนามัยรึเปล่าก็ไม่รู้ ไหนจะผักที่เอามาใช้อีก อาจจะมีสารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารเร่ง"
--- สรุปว่ายังไงฉันก็จะต้องปลูกผักนะ โอ้ พระเจ้าจอร์จ ฉันกำลังจะค้นพบพรสวรรค์ใหม่ใช่ไหม... นี่พูดประชด!
ปล. แต่ยังไงซะ ในการประชุมนี้ก็ทำให้ฉันสืบหาตัวเจ้าของเก่าของแมวเหมียวเจอ ฉันเอารูปแมวที่บ้านให้พี่หล้าดู แกบอกว่านี่คือเจ้า "จิ้มจุ่ม" แมวบ้านป้าหล้า แต่ป้าแกคงไม่เลี้ยงแล้วแหละ คือเลี้ยงแบบปล่อยๆ ไปตามยถากรรม ส่วนอีกตัวที่มาเฝ้า ร้องและทำหน้าเว้าวอนอยู่หน้าบ้านตอนนี้เป็นแมวของพี่หล้าเองชื่อเจ้า "แดง"... สรุปเจ้าสามสีที่บ้านที่แท้ชื่อ "จิ้มจุ่ม" ฉันจะลองเรียกดู
อ้อ พี่หล้ายังบอกอีกว่าจิ้มจุ่มทำหมันแล้ว พี่อ้อกับพี่หล้าเป็นคนพาไป... ฉันสบายใจมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น