
แต่สติที่ยังเข้มแข็งทำให้ใจเย็นลงและแนะนำให้น้องชายกับน้องสะใภ้ไปพบครูที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้ แจ้งให้เขาทราบว่าเขาตีลูกเราแรงขนาดไหน แต่ขอให้คุยด้วยใจเย็น สอบถามต้นสายปลายเหตุให้ถี่ถ้วนพร้อมทั้งสังเกตท่าทีและประเมินเจตนาของครูก่อน เพราะบางทีเขาอาจตีเพื่อสอนให้นักเรียนหลาบจำ ไม่ทพสิ่งที่ไม่เหมาะสมอีกแต่มือหนักโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ถ้าเขาไม่มีเจตนาทำร้ายเด็กเขาก็จะขอโทษและแสดงความรับผิดชอบ แต่ถ้าเขามีท่าทีกระด้างเราก็ค่อยปรับท่าทีให้จริงจังขึ้น... การที่ต้องรีบไปในขณะที่เหตุการณ์ยังสดๆ ร้อนๆ ก็เพื่อให้ครูเขารู้ผลการกระทำของเขาเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ควรเปิดฉากโจมตีด้วยโทสะเพราะคนที่ถูกต่อว่าจะแสดงการต่อต้าน โทสะเจอโทสะเท่าที่เคยเห็นมามันจบไม่สวย แถมหลายกรณีก็ไม่ได้ข้อเท็จจริงที่ควรได้ แทนที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกลับยิ่งเลวร้าย
คนมีลูกนอกจากปัญหาการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องลูกที่ทำให้ต้องเหนื่อยกายแล้วก็ควรเตรียมใจรับปัญหาอื่นๆ ที่มากระทบจิตใจด้วย เป็นเหมือนบททดสอบชีวิต ฉันอยู่ไกลจึงช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่าให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจให้กับน้องชาย น้องสะใภ้และหลาน หวังว่าจะแก้ปัญหาให้จบลงได้ด้วยดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น