ในที่สุดฉันก็ได้รู้ว่ากิจกรรม Lesen ที่เคยเจอในตำราภาษาเยอรมันนั้นของจริงเป็นยังไง มันคือการอ่านหนังสือออกเสียงให้คนฟังแบบสดๆ วันนี้ฉันมีโอกาสได้ฟังการอ่านบทละครเรื่อง "Summer House After Wedding" และไม่ได้แค่ฟังอย่างเดียวแต่มาแปลการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังการอ่าน (ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักที่เข้าร่วม) ด้วย ซึ่งยากเย็นเอาการเพราะเนื้อหาที่ผู้อ่านคุยกับผู้เขียนแทบไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละครในบทละครเลย เขาถกกันเรื่องปัญหาแรงงานต่างด้าว (ในที่นี้คือฟิลิปปินส์) ในญี่ปุ่นกันซะมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและไม่ได้เตรียมตัวแปลไว้ งานนี้เลยหินหนัก
สำหรับเนื้อเรื่อง ฉันได้อ่านบทละครแล้วรู้สึกสนุกมาก บทละครเป็นเรื่องปัญหาครอบครัวของหญิงชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุและแต่งงานกับชายชาวญี่ปุ่นซึ่งมีปัญหากันเนื่องจากฝ่ายหญิงต้องการทำงานเพื่อหาเงินส่งไปจุนเจือครอบครัวเดิมที่ฟิลิปปินส์จึงตัดสินใจจะนำลูกสาวของเธอกับสามีญี่ปุ่นไปให้ครอบครัวที่ฟิลิปปินส์เลี้ยงเพื่อที่ตนจะได้ทำงานหาเงินได้สะดวก ไม่ต้องพะวงเรื่องการดูแลลูก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสามีเป็นอย่างมากถึงขั้นทำร้ายร่างกายเธอ แต่ในที่สุดทั้งสองก็มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจและหาทางออกร่วมกันโดยการช่วยเหลือของเพื่อนและเจ้าหน้าที่ที่ shelter (ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้อพยพ อะไรทำนองนั้น) จากการอ่านบทฉันว่าพื้นฐานความคิดของชาวอาเซียนคล้ายคลึงกันในเรื่องความกตัญญูต่อครอบครัวเดิม (พ่อแม่) และรับภาระหาเงินช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังได้เห็นความคิดที่แตกต่างของคนญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะความคิดของสามีตัวละครหลัก ได้รู้ความรู้สึกของเด็กสองสัญชาติในญี่ปุ่นด้วย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ตัวแทนของชาวฟิลิปปินส์ในญี่ปุ่นและเด็กลูกครึ่งปินส์-ปุ่นทั้งหมดก็ตาม (แต่ที่ขัดใจเสมอคือไม่เข้าใจว่าในเมื่อมีลูกผัวที่ประเทศตนอยู่แล้วทำไมถึงมามีผัวใหม่ที่ญี่ปุ่นอีก หญิงสาวเหล่านี้ไม่แยแสในเรื่องความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเองบ้างรึไงกัน)
การแปลครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังต้องพัฒนาภาษาญี่ปุ่นอีกมากเลยเพราะแปลได้ไม่ราบรื่นเท่าไหร่สำหรับการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น จะอ้างว่าเป็นฟีลด์ที่ไม่ถนัดไม่มีประสบการณ์ก็อาจจะใช่ แต่การร้อยเรียงประโยค ไวยากรณ์ก็อ่อนแอเต็มที ปล่อยไว้อย่างงี้ไม่ดีแน่ ต้องพัฒนาตัวเองแล้วหละ
สำหรับเนื้อเรื่อง ฉันได้อ่านบทละครแล้วรู้สึกสนุกมาก บทละครเป็นเรื่องปัญหาครอบครัวของหญิงชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุและแต่งงานกับชายชาวญี่ปุ่นซึ่งมีปัญหากันเนื่องจากฝ่ายหญิงต้องการทำงานเพื่อหาเงินส่งไปจุนเจือครอบครัวเดิมที่ฟิลิปปินส์จึงตัดสินใจจะนำลูกสาวของเธอกับสามีญี่ปุ่นไปให้ครอบครัวที่ฟิลิปปินส์เลี้ยงเพื่อที่ตนจะได้ทำงานหาเงินได้สะดวก ไม่ต้องพะวงเรื่องการดูแลลูก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสามีเป็นอย่างมากถึงขั้นทำร้ายร่างกายเธอ แต่ในที่สุดทั้งสองก็มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจและหาทางออกร่วมกันโดยการช่วยเหลือของเพื่อนและเจ้าหน้าที่ที่ shelter (ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้อพยพ อะไรทำนองนั้น) จากการอ่านบทฉันว่าพื้นฐานความคิดของชาวอาเซียนคล้ายคลึงกันในเรื่องความกตัญญูต่อครอบครัวเดิม (พ่อแม่) และรับภาระหาเงินช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังได้เห็นความคิดที่แตกต่างของคนญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะความคิดของสามีตัวละครหลัก ได้รู้ความรู้สึกของเด็กสองสัญชาติในญี่ปุ่นด้วย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ตัวแทนของชาวฟิลิปปินส์ในญี่ปุ่นและเด็กลูกครึ่งปินส์-ปุ่นทั้งหมดก็ตาม (แต่ที่ขัดใจเสมอคือไม่เข้าใจว่าในเมื่อมีลูกผัวที่ประเทศตนอยู่แล้วทำไมถึงมามีผัวใหม่ที่ญี่ปุ่นอีก หญิงสาวเหล่านี้ไม่แยแสในเรื่องความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเองบ้างรึไงกัน)
การแปลครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังต้องพัฒนาภาษาญี่ปุ่นอีกมากเลยเพราะแปลได้ไม่ราบรื่นเท่าไหร่สำหรับการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น จะอ้างว่าเป็นฟีลด์ที่ไม่ถนัดไม่มีประสบการณ์ก็อาจจะใช่ แต่การร้อยเรียงประโยค ไวยากรณ์ก็อ่อนแอเต็มที ปล่อยไว้อย่างงี้ไม่ดีแน่ ต้องพัฒนาตัวเองแล้วหละ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น