ปีนี้งานไม่ค่อยมี (พูดด้วยความขมขื่น) เลยนั่งดูละครทีวีแบบสดติดจอซะหลายเรื่อง จริงๆ ควรชมว่าปีนี้ช่อง 3 ทำละครดีๆ ชวนติดตามออกมาฉายหลายเรื่องถึงจะถูกเพราะปกติถ้าละครเริ่มเรื่องมาไม่ดึงดูดเราก็ไม่ดูต่อ บางเรื่องแรกๆ ดีแต่พอผ่านมาสักพักแล้วไม่สนุกก็เทเหมือนกัน ไม่มุ่งมั่นทนดูจนจบบริบูรณ์ ลองนับนิ้วไล่เรียงดูแล้วละครที่ติดตามดูตั้งแต่ต้นจนจบมีทั้งหมดรวมถึง 8 เรื่องทีเดียว อุ๊! แม่เจ้า
เรื่องแรกคือ "ซีรีย์ลูกผู้ชาย ตอน ภูผา"
ละครโรแมนติกดราม่าเกี่ยวกับการสร้างเนื้อสร้างตัวของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกพ่อตราหน้าว่าเป็น "ตัวซวย" มาตั้งแต่เด็ก ชีวิตแสนรันทด แต่ในชีวิตรันทดของเขานั้นมีสิ่งหนึ่งที่ดีงามซึ่งกลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้สำเร็จ ก็คือหญิงคนรักที่แสนอ่อนหวานและมั่นคง... พระเอกนางเอก "อิน - พาย" เป็นดาราใหม่ทั้งคู่ แม้การแสดงจะยังไม่เจนจัดนัก แต่ความน่ารักและเคมีคู่อันดีงามและการเล่าเรื่องของละครที่ชวนให้ติดตามเอาใจช่วยพระเอกฝ่าฟันอุปสรรคชีวิตของเขาทำให้เราต้องนั่งเฝ้าหน้าจอจนดึกดื่นตั้งแต่หัวปี
เรื่องที่ 2 "ทองเอก หมอยาท่าโฉลง"
เริ่มเรื่องสนุกดีแม้จะมีตลกฝืดเวิ่นเว้อในช่วงกลางเรื่อง แต่ก็กลับมาดึงดูดความสนใจไว้ได้ทันก่อนเราจะเทด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาโรคระบาดด้วยสมุนไพรและแพทย์แผนไทย
เรื่องที่ 3 "กรงกรรม"
เป็นละครที่เรื่องราวฉากเฉิกเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย เหมือนชีวิตชาวบ้านร้านตลาดในชีวิตจริงในชุมชนต่างจังหวัดที่เราเคยเห็นเคยสัมผัสสมัยเด็กๆ ดูละครเรื่องนี้ก็เหมือนกำลังสาระแนเรื่องชาวบ้านนั่นแหละ ก็ในชุมชนมันก็มีเรื่องซุบซิบแบบนั้นจริงๆ ดีอะ เรียลดี ก็เลยชอบ ตัวละครไม่เห็นจำเป็นต้องมีบ้านใหญ่อยู่มีรถหรูใช้เลยนี่
เรื่องที่ 4 "เพลิงพรางเทียน"
เรื่องนี้มีพล็อตย้อนกลับไปอดีตแบบทวิภพซึ่งไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรอีกแล้ว ณ จุดนี้เพราะตั้งแต่บุพเพฯ ออกอากาศก็มีละครแนวข้ามภพตามมาอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้สนุกตรงนี้พระเอกนางเอกมีความดาร์กสูงลิ่ว ละครมันเลยแซ่บ! อีกทั้งวิธีการข้ามภพก็เอามาโยงกับประตูเมืองทั้งห้าของเชียงใหม่ด้วยเลยยิ่งอยากติดตามเข้าไปอีก
เรื่องที่ 5 "ลับลวงใจ"
คงเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แนว time slip ไม่คอมเมดี้ ไม่บู๊ เลยเหมือนจะเนิบๆ แต่โคตรเรียล ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนโดนสะกิดให้รู้สึกว่านี่มันชีวิตจริงของคนยุคปัจจุบันนี่หว่า
เรื่องที่ 6 "ลิขิตแห่งจันทร์"
ละครข้ามภพอีกเรื่องนึงละ ทีแรกไม่อยากดูเพราะเบื่อแนวนี้ที่มีจนเกร่อ แต่ค่ายอาหลองจูเนียร์ก็จับเราเอาไว้ได้ตั้งแต่ ep แรกเลยและหลังจากนั้นก็ติดหนึบ production สร้างสรรค์มาก ทำได้ดีไปหมดทุกด้าน ทั้งเรื่องวิธีการข้ามภพของนางเอกที่ผูกเป็นปริศนาให้สงสัยเล่นตั้งแต่ต้นจนปลายเรื่อง แล้วยังมีมุขตลกที่กำลังพอดี BGM ที่ถูกจังหวะ แถมยังมีฉากบู๊มันๆ อีก ชอบมากเลยเรื่องนี้
เรื่องที่ 7 "เขาวานให้หนูเป็นสายลับ"
ละครรีเมค (เกรทอีกละ) ที่ทำใหม่ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกนักแสดงที่เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับอย่าง "เกรท - เก้า" ซึ่งพอสองคนนี้เข้าฉากด้วยกันก็ยิ่งเคมีดีงามไปใหญ่ บทก็ทันสมัย เข้าปากนักแสดง (เสียอยู่นิดนึงที่บางตอนนางเอกพูดหยาบคายเกินความเป็นนางเอกไป) ตัวละครประกอบอื่นๆ ทุกตัวคือแสดงดีมาก ที่สำคัญฮาสุดส่งท้ายปี
เรื่องที่ 8 "บุพเพสันนิวาส"
รีรันรอบ 3 แล้วก็ยังดู ตอนเห็นโฆษณาว่าเอากลับมารีรันช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ยังยี้ใส่ว่าไม่มีทีเด็ดอย่างอื่นแล้วเหรอ ฉายซ้ำบ่อยขนาดนี้ใครจะดูอยู่นั่น... ปรากฏว่าพอฉายจริงตัวเองกลับนั่งถ่างตาดูจนดึกจนดื่นข้ามปีทั้งที่ก็รู้เนื้อเรื่องหมดแล้ว... ละครดีดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่ออะเนอะ
ปีหน้ามาดูกันอีกทีว่าจะโดนละครเรื่องไหนตกบ้างนะ กัลยาเอ๊ย
เรื่องแรกคือ "ซีรีย์ลูกผู้ชาย ตอน ภูผา"
ละครโรแมนติกดราม่าเกี่ยวกับการสร้างเนื้อสร้างตัวของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกพ่อตราหน้าว่าเป็น "ตัวซวย" มาตั้งแต่เด็ก ชีวิตแสนรันทด แต่ในชีวิตรันทดของเขานั้นมีสิ่งหนึ่งที่ดีงามซึ่งกลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้สำเร็จ ก็คือหญิงคนรักที่แสนอ่อนหวานและมั่นคง... พระเอกนางเอก "อิน - พาย" เป็นดาราใหม่ทั้งคู่ แม้การแสดงจะยังไม่เจนจัดนัก แต่ความน่ารักและเคมีคู่อันดีงามและการเล่าเรื่องของละครที่ชวนให้ติดตามเอาใจช่วยพระเอกฝ่าฟันอุปสรรคชีวิตของเขาทำให้เราต้องนั่งเฝ้าหน้าจอจนดึกดื่นตั้งแต่หัวปี
เรื่องที่ 2 "ทองเอก หมอยาท่าโฉลง"
เริ่มเรื่องสนุกดีแม้จะมีตลกฝืดเวิ่นเว้อในช่วงกลางเรื่อง แต่ก็กลับมาดึงดูดความสนใจไว้ได้ทันก่อนเราจะเทด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาโรคระบาดด้วยสมุนไพรและแพทย์แผนไทย
เรื่องที่ 3 "กรงกรรม"
เป็นละครที่เรื่องราวฉากเฉิกเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย เหมือนชีวิตชาวบ้านร้านตลาดในชีวิตจริงในชุมชนต่างจังหวัดที่เราเคยเห็นเคยสัมผัสสมัยเด็กๆ ดูละครเรื่องนี้ก็เหมือนกำลังสาระแนเรื่องชาวบ้านนั่นแหละ ก็ในชุมชนมันก็มีเรื่องซุบซิบแบบนั้นจริงๆ ดีอะ เรียลดี ก็เลยชอบ ตัวละครไม่เห็นจำเป็นต้องมีบ้านใหญ่อยู่มีรถหรูใช้เลยนี่
เรื่องที่ 4 "เพลิงพรางเทียน"
เรื่องนี้มีพล็อตย้อนกลับไปอดีตแบบทวิภพซึ่งไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรอีกแล้ว ณ จุดนี้เพราะตั้งแต่บุพเพฯ ออกอากาศก็มีละครแนวข้ามภพตามมาอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้สนุกตรงนี้พระเอกนางเอกมีความดาร์กสูงลิ่ว ละครมันเลยแซ่บ! อีกทั้งวิธีการข้ามภพก็เอามาโยงกับประตูเมืองทั้งห้าของเชียงใหม่ด้วยเลยยิ่งอยากติดตามเข้าไปอีก
เรื่องที่ 5 "ลับลวงใจ"
คงเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แนว time slip ไม่คอมเมดี้ ไม่บู๊ เลยเหมือนจะเนิบๆ แต่โคตรเรียล ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนโดนสะกิดให้รู้สึกว่านี่มันชีวิตจริงของคนยุคปัจจุบันนี่หว่า
เรื่องที่ 6 "ลิขิตแห่งจันทร์"
ละครข้ามภพอีกเรื่องนึงละ ทีแรกไม่อยากดูเพราะเบื่อแนวนี้ที่มีจนเกร่อ แต่ค่ายอาหลองจูเนียร์ก็จับเราเอาไว้ได้ตั้งแต่ ep แรกเลยและหลังจากนั้นก็ติดหนึบ production สร้างสรรค์มาก ทำได้ดีไปหมดทุกด้าน ทั้งเรื่องวิธีการข้ามภพของนางเอกที่ผูกเป็นปริศนาให้สงสัยเล่นตั้งแต่ต้นจนปลายเรื่อง แล้วยังมีมุขตลกที่กำลังพอดี BGM ที่ถูกจังหวะ แถมยังมีฉากบู๊มันๆ อีก ชอบมากเลยเรื่องนี้
เรื่องที่ 7 "เขาวานให้หนูเป็นสายลับ"
ละครรีเมค (เกรทอีกละ) ที่ทำใหม่ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกนักแสดงที่เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับอย่าง "เกรท - เก้า" ซึ่งพอสองคนนี้เข้าฉากด้วยกันก็ยิ่งเคมีดีงามไปใหญ่ บทก็ทันสมัย เข้าปากนักแสดง (เสียอยู่นิดนึงที่บางตอนนางเอกพูดหยาบคายเกินความเป็นนางเอกไป) ตัวละครประกอบอื่นๆ ทุกตัวคือแสดงดีมาก ที่สำคัญฮาสุดส่งท้ายปี
เรื่องที่ 8 "บุพเพสันนิวาส"
รีรันรอบ 3 แล้วก็ยังดู ตอนเห็นโฆษณาว่าเอากลับมารีรันช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ยังยี้ใส่ว่าไม่มีทีเด็ดอย่างอื่นแล้วเหรอ ฉายซ้ำบ่อยขนาดนี้ใครจะดูอยู่นั่น... ปรากฏว่าพอฉายจริงตัวเองกลับนั่งถ่างตาดูจนดึกจนดื่นข้ามปีทั้งที่ก็รู้เนื้อเรื่องหมดแล้ว... ละครดีดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่ออะเนอะ
ปีหน้ามาดูกันอีกทีว่าจะโดนละครเรื่องไหนตกบ้างนะ กัลยาเอ๊ย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น