งานเขียนตำราภาษาญี่ปุ่น 1 มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว เราเร่งมือกันทำให้เสร็จทันส่งปลายสัปดาห์นี้
ตำราเล่มนี้อาจารย์ญี่ปุ่นทั้งสามคนในสาขาช่วยกันแต่งโดยสตอรี่ของบทสนทนาต่างๆ เอามาจากประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่แต่ละคนได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีชาวไทยและการสอนนักศึกษาไทยมาสิบกว่าปี ทำให้สนุกน่าอ่านมาก ฉันมีหน้าที่แปลเนื้อหาบางส่วนเป็นภาษาไทยและตรวจปรู๊ฟงาน
ตอนที่ตรวจปรู๊ฟงานนี่เองที่เจอเรื่องตลกข้ามวัฒนธรรมในบทสนทนาในบทเรียนบทหนึ่ง เรื่องราวทำนองว่า ครูจามเสียงดังหน้าชั้นเรียนแล้วแก้เขินด้วยการถามนักเรียนในห้องว่า "เมื่อเช้าใครไม่ได้อาบน้ำ" ฟังดูก็เป็นมุกธรรมดาสามัญของคนไทยเรา แต่ปรากฏว่าอาจารย์ชาวเกาหลีที่เป็นที่ปรึกษาตำราและช่วยตรวจปรู๊ฟให้รอบแรกคอมเม้นต์ว่า "ไม่เข้าใจว่าทำไมครูต้องถามว่าใครไม่ได้อาบน้ำ มันไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกเหรอ"
ณ ตอนนั้นจึงได้มาใคร่ครวญว่าที่จริงแล้วการเล่นมุกกลบเกลื่อนความอายหรือความผิดพลาดของตัวเองด้วยการโยนไปให้คนอื่นนั้นมันเป็นตลกร้ายที่อาจเป็นชนวนให้เกิดการกลั่นแกล้งกันทางร่างกายหรือจิตใจจนเกิดโศกนาฏกรรมในภายหลังได้
คนไทยเราเป็นคนสบายๆ ชอบสนุกสนานจึงมักไม่ค่อยคิดว่าวาจาหรือการกระทำบางอย่างอาจส่งผลกระทบที่ร้ายแรงได้ เราไม่ชอบคิดอะไรจริงจังขนาดนั้น อันที่จริงจากตัวอย่างกรณีจามแล้วโบ้ยว่ามีใครไม่อาบน้ำนั้นโดยทั่วไปก็จะจบแบบเป็นคำพูดลอยๆ ไม่ได้คาดหวังคำตอบว่ามีใครไม่อาบน้ำมา
ในตำราบทนั้น เมื่อครูถามว่าเมื่อเช้าใครไม่ได้อาบน้ำ มันไม่ได้จบที่ตรงนั้นแต่กลับมีบทสนทนาตอบกลับต่อว่า "คุณเกดไม่ได้อาบน้ำเพราะเล่นเกมถึงตีสองจนไม่มีเวลาอาบน้ำ" มันออกจะผิดปกติเกินวิสัยขี้เล่นของคนไทยไปแล้ว แต่นั่นก็คงเป็นเพราะผู้แต่งไม่ใช่คนไทย แม้จะอยู่เมืองไทยกับคนไทยมานานแต่แนวคิดบางอย่างก็ยังไม่ฝังในจิตใจได้อย่างแท้จริงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะเล่นมุกโดยไม่มีเจตนาร้ายแต่ก็ควรระมัดระวังไว้บ้างเพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน... คิดก่อนพูดนั้นย่อมดีกว่าเสมอ
ตำราเล่มนี้อาจารย์ญี่ปุ่นทั้งสามคนในสาขาช่วยกันแต่งโดยสตอรี่ของบทสนทนาต่างๆ เอามาจากประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่แต่ละคนได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีชาวไทยและการสอนนักศึกษาไทยมาสิบกว่าปี ทำให้สนุกน่าอ่านมาก ฉันมีหน้าที่แปลเนื้อหาบางส่วนเป็นภาษาไทยและตรวจปรู๊ฟงาน
ตอนที่ตรวจปรู๊ฟงานนี่เองที่เจอเรื่องตลกข้ามวัฒนธรรมในบทสนทนาในบทเรียนบทหนึ่ง เรื่องราวทำนองว่า ครูจามเสียงดังหน้าชั้นเรียนแล้วแก้เขินด้วยการถามนักเรียนในห้องว่า "เมื่อเช้าใครไม่ได้อาบน้ำ" ฟังดูก็เป็นมุกธรรมดาสามัญของคนไทยเรา แต่ปรากฏว่าอาจารย์ชาวเกาหลีที่เป็นที่ปรึกษาตำราและช่วยตรวจปรู๊ฟให้รอบแรกคอมเม้นต์ว่า "ไม่เข้าใจว่าทำไมครูต้องถามว่าใครไม่ได้อาบน้ำ มันไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกเหรอ"
ณ ตอนนั้นจึงได้มาใคร่ครวญว่าที่จริงแล้วการเล่นมุกกลบเกลื่อนความอายหรือความผิดพลาดของตัวเองด้วยการโยนไปให้คนอื่นนั้นมันเป็นตลกร้ายที่อาจเป็นชนวนให้เกิดการกลั่นแกล้งกันทางร่างกายหรือจิตใจจนเกิดโศกนาฏกรรมในภายหลังได้
คนไทยเราเป็นคนสบายๆ ชอบสนุกสนานจึงมักไม่ค่อยคิดว่าวาจาหรือการกระทำบางอย่างอาจส่งผลกระทบที่ร้ายแรงได้ เราไม่ชอบคิดอะไรจริงจังขนาดนั้น อันที่จริงจากตัวอย่างกรณีจามแล้วโบ้ยว่ามีใครไม่อาบน้ำนั้นโดยทั่วไปก็จะจบแบบเป็นคำพูดลอยๆ ไม่ได้คาดหวังคำตอบว่ามีใครไม่อาบน้ำมา
ในตำราบทนั้น เมื่อครูถามว่าเมื่อเช้าใครไม่ได้อาบน้ำ มันไม่ได้จบที่ตรงนั้นแต่กลับมีบทสนทนาตอบกลับต่อว่า "คุณเกดไม่ได้อาบน้ำเพราะเล่นเกมถึงตีสองจนไม่มีเวลาอาบน้ำ" มันออกจะผิดปกติเกินวิสัยขี้เล่นของคนไทยไปแล้ว แต่นั่นก็คงเป็นเพราะผู้แต่งไม่ใช่คนไทย แม้จะอยู่เมืองไทยกับคนไทยมานานแต่แนวคิดบางอย่างก็ยังไม่ฝังในจิตใจได้อย่างแท้จริงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะเล่นมุกโดยไม่มีเจตนาร้ายแต่ก็ควรระมัดระวังไว้บ้างเพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน... คิดก่อนพูดนั้นย่อมดีกว่าเสมอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น