วิวเมืองฟลอเร้นซ์ยามเย็นที่แดดยังจัดจ้า |
วันนี้ที่เมืองไทยเป็นวันอาสาฬหบูชา สำหรับฉันเป็นวันว่างหนึ่งวันก่อนการประชุมจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ จริงๆ แล้วไม่ค่อยอยากออกไปไหน อยากพักผ่อนสบายๆ แถวนี้แต่กังวลเรื่องสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโมนาชและเรื่องตั๋วรถไฟด่วนสำหรับกลับไปขึ้นเครื่องบินในวันเสาร์นี้จึงออกไปสำรวจเส้นทางไปมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ยากและทำให้เห็นร้านรวงต่างๆ และสถานที่น่าเที่ยวของเมืองนี้ หลังจากนั้นจึงไปฟลอเร้นซ์ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางจากฟุจูไปชินจุกุสมัยเรียนอยู่โตเกียวเพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟด่วน
การซื้อตั๋วเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วเพราะคราวนี้ซื้อที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ (แต่มีพนักงานสถานีคอยดูแลให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวประจำตู้ คิดว่าเมื่อก่อนคงมีมิจฉาชีพหลอกซื้อตั๋วให้นักท่องเที่ยวแล้วรีดไถเงิน การรถไฟของเขาจึงจัดพนักงานคอยบริการช่วยเหลือซึ่งอำนวยความสะดวกและทำให้นักท่องเที่ยวอุ่นใจได้มาก น่าชื่นชม) จึงเข้าไปเดินเที่ยวในเมือง
ระหว่างที่เดินห่างออกมาจากหน้าสถานีเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นจังหวะที่รถบรรทุกโค้กนำโค้กขนาด 1 ลิตรมาแจกผู้คนที่สัญจรไปมาพอดี ฉันจึงได้อานิสงส์ไปด้วย ก็หิ้วถุงสัญลักษณ์โค้กสีแดงเดินไปเดินมาจนกระทั่งเดินไปถึงทางแยกปากทางเข้าไปชมดูโอโม เด็กชายอายุราวๆ ม.ต้นสามสี่คนที่เดินสวนกันหยุดเดินแล้วหันกลับมาที่ฉัน ชี้โบ๊ชี้เบ๊ พูดภาษาอิตาเลียนกับฉันเป็นการใหญ่ ทีแรกก็ตกใจนึกว่ามีอะไรผิดปกติกับตัวเองรึเปล่า มีอะไรแปลกๆ ติดหน้าผากรึติดหลังฉันไหม รึน้องตะลึงในความสวยประหลาดอย่างสาวเอเชียของเจ้! ก็ได้แต่ทำหน้างงและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ซักแป๊บนึงก็นึกขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะเจ้าถุงโค้กที่หิ้วอยู่แน่ๆ เลย เด็กพวกนั้นคงถามว่า "เจ๊ เจ๊เอาโค้กมาจากไหน" อะไรอย่างงั้น เอ้อ ถ้าฉันคิดได้ตอนที่ถูกถามก็จะพยายามตอบอะนะ แต่ช่วยไม่ได้มันผ่านไปแล้ว
ระหว่างที่เดินห่างออกมาจากหน้าสถานีเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นจังหวะที่รถบรรทุกโค้กนำโค้กขนาด 1 ลิตรมาแจกผู้คนที่สัญจรไปมาพอดี ฉันจึงได้อานิสงส์ไปด้วย ก็หิ้วถุงสัญลักษณ์โค้กสีแดงเดินไปเดินมาจนกระทั่งเดินไปถึงทางแยกปากทางเข้าไปชมดูโอโม เด็กชายอายุราวๆ ม.ต้นสามสี่คนที่เดินสวนกันหยุดเดินแล้วหันกลับมาที่ฉัน ชี้โบ๊ชี้เบ๊ พูดภาษาอิตาเลียนกับฉันเป็นการใหญ่ ทีแรกก็ตกใจนึกว่ามีอะไรผิดปกติกับตัวเองรึเปล่า มีอะไรแปลกๆ ติดหน้าผากรึติดหลังฉันไหม รึน้องตะลึงในความสวยประหลาดอย่างสาวเอเชียของเจ้! ก็ได้แต่ทำหน้างงและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ซักแป๊บนึงก็นึกขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะเจ้าถุงโค้กที่หิ้วอยู่แน่ๆ เลย เด็กพวกนั้นคงถามว่า "เจ๊ เจ๊เอาโค้กมาจากไหน" อะไรอย่างงั้น เอ้อ ถ้าฉันคิดได้ตอนที่ถูกถามก็จะพยายามตอบอะนะ แต่ช่วยไม่ได้มันผ่านไปแล้ว
นึกว่าจบ แต่ขณะที่กำลังเพลิดเพลินเดินดูข้าวของตามร้านในชั้นใต้ดินสถานีรถไฟ ความตกใจแบบเดิมก็กลับมาอีกครั้งเมื่อเดินมาสวนกับกลุ่มเด็ก ม.ต้นกลุ่มเดิม (จำหน้าไม่ค่อยได้แต่คิดว่าน่าจะกลุ่มเดิม) อีก เด็กพวกนี้ก็เอะอะเสียงดังใส่ฉันและเข้ามาถามเป็นภาษาอิตาเลียน! (ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่เดาความหมายจากบริบทเหตุการณ์เอา) เหมือนคราวแรก โชคดีที่คราวนี้คนไม่พลุกพล่านนักเลยคุยกันได้เป็นกิจลักษณะขึ้นมาหน่อยและฉันก็พอเข้าใจวัตถุประสงค์ของพวกเด็กๆ บ้างแล้ว เด็กหัวโจกถามฉันเป็นภาษาอิตาเลียนซึ่งฉันเดาความหมายเอาเองและตอบด้วยภาษาอังกฤษประมาณว่า (ควรอ่านบทสนทนาโดยเว้นจังหวะตามช่องไฟ)
"โค้กฟรีนี้ เจ๊ได้ แต่ใดมา"
"รถบรรทุกโค้ก เค้ามา แจกให้"
"รถโค้กตอนนี้อยู่ ไหนเล่า"
"หน้าสถานี ไงเจ้า รีบไป!"
เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตรง
เข้าใจกันได้ไงไม่รู้ แต่คุยเสร็จเด็กๆ นั่นก็รีบไป เหลือไว้เพียงความงุนงงในใจฉันว่า
1. มีคนอีกตั้งเยอะแยะที่หิ้วถุงโค้กฟรีแบบฉัน ซึ่งดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นชาวอิตาเลียน แต่ทำม้ายต้องมาถามฉัน เข้าใจอาจจะเป็นคนหิ้วถุงโค้กคนแรกที่พวกเขาได้เจอ แต่หลังจากนั้นเด็กๆ ก็น่าจะไปถามคนอื่นที่หน้าตาเหมือนพวกเดียวกันนี่
2. หน้าตาฉันสุดแสนจะเอเชียขนาดนี้ นางก็ไม่ try to speak English เลย คิดอนุมานเอาว่าหน้าตาแบบเจ๊นี่พูดอิตาเลียนเป็นได้ยังไง พูดอิตาเลียนใส่เจ๊ฉอดๆๆ ทั้งที่เจ๊ตอบเป็นภาษาประกิตด้วย เจ๊งงมาก ณ จุดนี้
3. เอ่อออ เขาแค่แจกโค้กนะพ่อคู้น ทำตื่นเต้นจะอย่างกะว่าแอปเปิ้ลเอาไอแพดมาแจก
โอ๊ย เจ๊เพลียเด็กฟลอเร้นซ์!
โค้กฟรีที่ว่า |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น