บ่ายสองโมงกว่ารถไฟด่วนหัวแหลมวิ่งพาฉันจากเวนิสมาที่พราโต้ เมืองมหาวิทยาลัยที่จะจัดการประชุมขึ้นในวันมะรืนนี้ รถไฟด่วนแวะจอดเฉพาะเมืองใหญ่ ฉันจึงต้องเปลี่ยนรถไฟจากรถด่วน Frecciarossa เป็นรถไฟท้องถิ่น พอลงจากรถไฟด่วนเลยมองหาป้ายบอกกำหนดการรถ บังเอิญเห็นรถไฟไป Pistoia กำลังจะออกในเวลาไม่ถึงห้านาที ความที่เคยค้นหาข้อมูลที่ตั้งของเมืองพราโต้จึงจำได้ว่า Pistoia เป็นเมืองถัดจากพราโต้ออกไปอีก น่าจะนั่งรถไฟขบวนนี้ไปถึงสถานี Prato Centrale ได้แต่เพื่อความมั่นใจจึงไปดูบอร์ดบอกเส้นทางและทุกสถานีที่จอดซึ่งก็มีสถานี Prato Centrale ดังคาดจึงรีบไปชานชลานั้น เจอพนักงานประจำรถไฟ (ซึ่งเป็นผู้หญิง) กำลังจะปล่อยรถไฟอยู่หน้าประตูตู้รถ เพื่อความมั่นใจอีกครั้งฉันจึงถามย้ำกับเธอว่าขบวนนี้ไป Prato Centrale ไหม เธอรับว่าไป ฉันยังถามอีกว่า ยังไม่ได้ validate ตั๋วขึ้นได้ไหม นางเลยดุว่า รถจะออกแล้ว รีบขึ้นไป σ(^_^;) เลยโดดโหยงขึ้นรถในทันควัน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีที่หมายแต่ก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงเดินหาที่พัก Residence Ferrucci
เมืองพราโต้เป็นเมืองเล็กๆ ร่มรื่น น่ารัก ผู้คนไม่พลุกพล่านเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เห็นแล้วก็หลงรักในบัดดล อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวชอบความเงียบสงบเป็นทุนอยู่แล้ว ครั้นมาถึงโรงแรมที่พัก เป็นโรงแรมที่อยู่ในอาคารรูปทรงทันสมัยแต่อาคารนั้นไม่ได้เป็นโรงแรมทั้งหลัง มีเพียงชั้น 1 และ 2 เท่านั้นที่เป็นโรงแรม ที่ยุโรปมักเป็นอย่างนี้คือมักแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่กันทำธุรกิจหรือแบ่งพื้นที่ในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์อันกว้างขวางของตัวเองมาทำ ถ้าไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่จริงๆ ก็หายากที่ตึกทั้งตึกจะเป็นโรงแรมแห่งเดียว ข้างๆ โรงแรมเป็นร้านรวงต่างๆ เช่นร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ฯลฯ แถมมีร้านซูชิด้วย! ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อ PAM ซึ่งหลังจากเข้าห้องพักแล้วฉันก็ได้ไปซื้อของกินจำนวนมาก! ที่นั่นด้วย
เมื่อเข้ามาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินของโรงแรม ฉันพบคุณอเลสซังก้ากำลังทำความสะอาดห้องพักอยู่ เธอหยุดงานชั่วครู่มารับเช็คอินฉัน ท่าทางเธอคงทำทุกอย่างเอง เมื่อจัดการสิ่งต่างๆ เรียบร้อยเธอก็พาฉันไปห้องพักหมายเลข 101 พอเปิดประตูห้องเท่านั้นแหละ Bellisimo! ห้องพักสวยมาก เป็นห้องลักษณะห้องอพาร์ทเม้นท์ มีโซฟา โต๊ะทานข้าว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เคาน์เตอร์ทำอาหารพร้อมเตาไฟฟ้า ตู้เย็นและเครื่องครัว ภาชนะต่างๆ ไวไฟที่แข็งแรง ฯลฯโอ๊ย นี่คืนละสองพันจริงเหรอ ราคานี้ถ้าเป็นโรงแรมที่เมืองไทยยังไม่ได้ครึ่ง ดีที่พักอยู่ที่นี่ถึงห้าคืนจะได้เพลิดเพลินกับชีวิตในห้องสวยๆ นานๆ
แต่ห้องนี้ก็ไม่มีสบู่ แชมพูให้แฮะ แต่ไม่เป็นไรเดินข้ามถนนไปซื้อที่ซุปเปอร์ได้ อนุโลมให้ยังเป็นห้องพักดีเด่นสำหรับฉันอยู่ (*^^*)
เมืองพราโต้เป็นเมืองเล็กๆ ร่มรื่น น่ารัก ผู้คนไม่พลุกพล่านเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เห็นแล้วก็หลงรักในบัดดล อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวชอบความเงียบสงบเป็นทุนอยู่แล้ว ครั้นมาถึงโรงแรมที่พัก เป็นโรงแรมที่อยู่ในอาคารรูปทรงทันสมัยแต่อาคารนั้นไม่ได้เป็นโรงแรมทั้งหลัง มีเพียงชั้น 1 และ 2 เท่านั้นที่เป็นโรงแรม ที่ยุโรปมักเป็นอย่างนี้คือมักแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่กันทำธุรกิจหรือแบ่งพื้นที่ในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์อันกว้างขวางของตัวเองมาทำ ถ้าไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่จริงๆ ก็หายากที่ตึกทั้งตึกจะเป็นโรงแรมแห่งเดียว ข้างๆ โรงแรมเป็นร้านรวงต่างๆ เช่นร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ฯลฯ แถมมีร้านซูชิด้วย! ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อ PAM ซึ่งหลังจากเข้าห้องพักแล้วฉันก็ได้ไปซื้อของกินจำนวนมาก! ที่นั่นด้วย
เมื่อเข้ามาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินของโรงแรม ฉันพบคุณอเลสซังก้ากำลังทำความสะอาดห้องพักอยู่ เธอหยุดงานชั่วครู่มารับเช็คอินฉัน ท่าทางเธอคงทำทุกอย่างเอง เมื่อจัดการสิ่งต่างๆ เรียบร้อยเธอก็พาฉันไปห้องพักหมายเลข 101 พอเปิดประตูห้องเท่านั้นแหละ Bellisimo! ห้องพักสวยมาก เป็นห้องลักษณะห้องอพาร์ทเม้นท์ มีโซฟา โต๊ะทานข้าว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เคาน์เตอร์ทำอาหารพร้อมเตาไฟฟ้า ตู้เย็นและเครื่องครัว ภาชนะต่างๆ ไวไฟที่แข็งแรง ฯลฯโอ๊ย นี่คืนละสองพันจริงเหรอ ราคานี้ถ้าเป็นโรงแรมที่เมืองไทยยังไม่ได้ครึ่ง ดีที่พักอยู่ที่นี่ถึงห้าคืนจะได้เพลิดเพลินกับชีวิตในห้องสวยๆ นานๆ
แต่ห้องนี้ก็ไม่มีสบู่ แชมพูให้แฮะ แต่ไม่เป็นไรเดินข้ามถนนไปซื้อที่ซุปเปอร์ได้ อนุโลมให้ยังเป็นห้องพักดีเด่นสำหรับฉันอยู่ (*^^*)
ที่มา: www.residenceferrucci.it |
ที่มา: www.residenceferrucci.it |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น