ภาพทะเลทรายในประเทศลิเบีย ถ่ายบนเครื่องบินขณะเดินทางจากดูไบไปมิลาน เหมือนอยู่นอกโลกเลย |
เมื่อคืนขึ้นเครื่องมาถึงสุวรรณภูมิสี่ทุ่มกว่าต้องนั่งๆ นอนๆ ตามม้านั่งหรือโซฟารอเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นเครื่องของสายการบินเอมิเรต (เป็นครั้งแรกในชีวิต) เดินทางออกนอกประเทศตอน 6:45 น.
เครื่องบินของเอมิเรตเป็นรุ่นโบอิ้ง 777-300 สะอาดกว้างขวางดี อาหารตามมาตรฐานอาหารบนเครื่องทั่วไป แต่ที่ดีมากคือหนังที่มีให้ดูมีหลากหลายและค่อนข้างใหม่ กว่าจะเดินทางมาถึงมิลานฉันได้ดูไปสองเรื่องคือเรื่อง Batman and Superman (ซึ่งสุดท้ายของเรื่องซุปเปอร์แมนตาย T_T ) และ The Jungle Book ขากลับก็มีเรื่องในใจที่อยากจะดูแล้ว ต้องไม่พลาดแน่
กว่าจะถึงมิลานจะต้องเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบและรอขึ้นเครื่องใหม่ที่นั่นถึงหกชั่วโมง เอมิเรตก็ดีให้คูปองอาหารสำหรับรับประทานช่วงรอเปลี่ยนเครื่องให้ ถึงแม้ส่วนใหญ่ที่มีให้เลือกจะเป็นฟาสต์ฟู้ดแต่ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดความยุ่งยากที่จะต้องแลกเงินเป็นสกุลของ UAE การแวะพักนานๆ ก็ทำให้มีโอกาสสำรวจสนามบินดูไบได้ทั่ว จากข้อมูลสนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก็ใหญ่จริง มีอาคารผู้โดยสารถึงสามอาคาร สังเกตว่าโครงสร้างอาคารคล้ายกับสุวรรณภูมิบ้านเรามาก ภายในก็มีร้านค้าปลอดภาษีและร้านอาหารต่างๆ มากมายเหมือนสุวรรณภูมิแต่ดูไม่หรูหราเท่า คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการจัดแสงที่ใช้แสงธรรมชาติ ไม่ใช้แสงไฟฟ้าประกอบ ฉันว่าบรรยากาศแบบนี้น่าเข้าไปจับจ่ายใช้สอยมากกว่าเพราะไม่รู้สึกประหม่ากับความหรู
การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างโชคดีหลายเรื่อง นอกจากจะหาที่สำหรับรอเปลี่ยนเครื่องแบบนอนเหยียดทั้งตัวได้ทุกครั้งแล้วตอนขึ้นเครื่องจากดูไบไปมิลานก็ยังได้ที่นั่งติดหน้าต่างที่อีกสองที่นั่งติดกันไม่มีผู้โดยสารเลยสามารถนอนเหยียดยาวได้ตลอดการเดินทางราวกับซื้อตั๋วชั้นหนึ่งอย่างงั้นแหละ ; D
ถึงสนามบินมัลเพ็นซ่าของมิลานตอนสองทุ่มแต่ฟ้ายังสว่างโร่อยู่เหมือนสี่โมงเย็นเนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนที่กลางวันยาวนาน สนามบินมัลเพ็นซ่าเป็นสนามบินที่ใหญ่พอสมควร แม้ตัวอาคารจะออกแบบธรรมดาไม่มีลูกเล่นอะไรนักแต่ก็กว้างขวางและมีเลย์เอ้าท์ที่ดี เอื้อต่อนักเดินทางที่มาเป็นครั้งแรกให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ตามขั้นตอนได้โดยไม่หลง
ฉันต้องรอตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า นั่งรถไฟเข้ามาสถานีรถไฟกลางมิลาน กว่าจะมาถึงที่พัก (ซึ่งอยู่ใกล้ๆ สถานี) ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า เนื่องจากเสียเวลาหลงตรอกที่ตั้งของที่พักจนต้องตัดสินใจถามหนุ่มสาว (ดูเหมือนอยู่ในวัยทำงาน) ชาวอิตาลีสามคน (ชายหนึ่งหญิงสอง) ซึ่งเดินสวนมา พวกเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้แต่ก็ขอดูที่อยู่เกสต์เฮ้าส์ที่มาพักแล้วพาเดินมาส่งจนถึงที่ทั้งๆ ที่พวกเขาจะไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ไม่ได้มีธุระแถวนี้เลย รู้สึกซึ้งน้ำใจที่พวกเขามีต่อคนแปลกหน้ามากๆ จึงขอบคุณและร่ำลาด้วยการสวมกอดสองสาว ถือว่าวันนี้เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ดี
แต่ตอนนี้เพลียมาก ขอนอนหลับบนเตียงนุ่มๆ ซะที ราตรีสวัสดิ์มิลาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น